บัณฑิตหนุ่ม-พ่อ นำภาพแม่ผู้ล่วงลับร่วมรับปริญญา สร้างความทรงจำให้เหมือนว่ายังอยู่ข้างๆ เผย ซาเล้งคันนี้คือเครื่องมือที่ทำให้เขาเรียนจบ
จากกรณีเพจ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้โพสต์ภาพงานรับปริญญาบัตร เมื่อวันที่ 11 มี.ค.2568 ที่ผ่านมา โดยมีภาพมีบัณฑิตหนุ่มคนหนึ่งได้นำภาพแม่ผู้ล่วงลับมาร่วมในวันสำคัญ พร้อมทั้งเผยให้เห็นภาพพ่อที่กำลังทะนุถนอม และนำภาพแม่ไปเก็บบนซาเล้งคันเก่าที่เคยใช้มารับลูกชายในวันรับปริญญา ทำให้ผู้คนที่ได้เห็นต่างรู้สึกซาบซึ้งในความรักและความผูกพันที่ยังคงอยู่ ชาวเน็ตจึงแห่แชร์ภาพนี้ออกไปเป็นจำนวนมาก
เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 14 มี.ค.2568 นายวุฒิชัย หรือกอล์ฟ สุดชาวนา อายุ 27 ปี ได้เปิดเผยกับ “ข่าวสดออนไลน์” ถึงเหตุการณ์ในวันรับปริญญาที่ผ่านมาว่า ตนตกใจเป็นอย่างมากที่มีคนให้ความสนใจ และแชร์รูปของตนออกไปอย่างแพร่หลาย ทั้งที่ก็มีหลายคนที่นำรูปของผู้ล่วงลับมาร่วมในงานเช่นเดียวกัน แต่ตนคิดว่าอาจเป็นเพราะจังหวะที่ช่างภาพถ่ายตอนตนกับพ่อ กำลังเก็บของที่รถ ซึ่งดูเป็นภาพที่อบอุ่น และสื่อความหมายอย่างลึกซึ้ง
นายวุฒิชัย เผยว่า แม่ของตนเสียชีวิตตั้งแต่ตนเรียนมหาวิทยาลัยปี 4 เมื่อทราบข่าวในตอนนั้นตนรู้สึกเสียใจอย่างมาก เพราะในช่วงที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ ตนละเลยการดูแลแม่ไปสนใจอย่างอื่นมากกว่า เช่น การทำกิจกรรมต่างๆ และทำงานพาร์ทไทม์ จนไม่มีเวลาให้แม่ แต่เมื่อแม่เสียไปตนกลับคิดได้ และโฟกัสการเรียน จนสามารถจบการศึกษา
แม้ในวันที่แม่ไม่ได้อยู่แล้ว แต่ตนยังมีพ่อที่คอยเคียงข้าง ไปส่งไปเรียน จนกระทั่งวันสำเร็จการศึกษาพ่อได้ใช้ซาเล้งคันเก่า คันเดิมที่เคยใช้มารับลูกชาย ในวันรับปริญญา พร้อมกับภาพของแม่ที่อยู่ข้างๆ พ่อรักแม่มาก เขาอยู่ด้วยกันมาหลายสิบปี พอวันที่ผมเรียนจบเขาก็อยากให้แม่มาด้วย ให้เหมือนว่าแม่ยังอยู่ ตนไม่เคยรู้สึกอายหรือลำบากใจ เกี่ยวกับคำพูดหรือสายตาของใคร ที่เห็นพ่อขับซาเล้งคันเก่าๆ เพราะวันนี้เขาประสบความสำเร็จ และสามารถดูแลพ่อได้แล้ว
นายวุฒิชัย ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า “ซาเล้งคันนี้คือเครื่องมือที่ทำให้ผมเรียนจบ แม้จะเป็นแค่ซาเล้งเก่าๆ แต่ก็เป็นสิ่งที่พ่อใช้ พาผมไปเรียน ตั้งแต่สมัยเด็กจนถึงวันนี้ พ่อไม่เคยทิ้งผมไปไหนเลย ผมอยากขอบคุณพ่อ และแม่ ที่ส่งเสียจนทำให้ผมสามารถจบปริญญาได้ และผมเชื่อว่า แม่คงรับรู้ถึงความสำเร็จครั้งนี้แน่นอน ผมอยากเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่สูญเสีย ให้ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อให้คนที่อยู่บนฟ้ามองลงมาด้วยความภาคภูมิใจ”
ทั้งนี้ ภาพและเรื่องราวของเขาได้รับความสนใจจากชาวเน็ตอย่างมาก สร้างความประทับใจและความอบอุ่นให้กับผู้ที่ได้รับชม นับเป็นเรื่องราวที่สะท้อนถึงความรักและความผูกพันในครอบครัวที่ไม่มีวันสูญหายไปไหน