คนขับวูบหมดสติ โรคลมชักกำเริบ กระบะพุ่งชนร้านอาหารตามสั่ง ข้าวของกระจัดกระจาย กล้องวงจรปิดจับภาพนาทีระทึก

วันที่ 19 มี.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดร้านตัดผม บนถนนประสานมิตร ชุมชนสามเหลี่ยม เขตเทศบาลนคร สามารถบันทึกภาพวินาทีที่รถกระบะ พุ่งชนรถจักรยานยนต์ กระเด็นมาที่หน้าร้านตัดผม ก่อนที่รถยนต์จะไปหยุดที่ร้านขายอาหารตามสั่ง ข้าวของพังเสียหายกระจัดกระจาย

ที่เกิดเหตุพบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน ยข 4846 ขอนแก่น พุ่งชนเข้าไปในร้านอาหารตามสั่ง เลขที่ 74/1 ถนนประสานมิตรตัดถนนศิลปสนิท ชุมชนสามเหลี่ยม สภาพหน้ารถยนต์พังยับ มีเศษถ้วย จาน อิฐ เครื่องครัว กระจายไปทั่ว นอกจากนี้ยังพบรถจักรยานยนต์ถูกชนเสียหายจำนวน 2 คัน และยังมีท่อประปาแตกเสียหาย

จากอุบัติเหตุครั้งนี้ โดยผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นคนขับรถยนต์กระบะ และคนที่นั่งมาด้วย เจ้าหน้าที่เร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลขอนแก่นราม ทราบชื่อต่อมาคือนายธเนศ อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นคนขับ มีอาการลมชักกำเริบ ส่วนคนที่นั่งมาด้วยชื่อนางสาวธณัฐชภรณ์ อายุ 47 ปี

คนขับวูบหมดสติ โรคลมชักกำเริบ กระบะพุ่งชนร้านอาหารตามสั่ง ข้าวของกระจัดกระจาย

นายสิทธิพงษ์ อายุ 38 ปี เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุตนเองกำลังนั่งรัดยาง น้ำจิ้มจิ้มข้าวขาหมู จากนั้นได้ยินเสียงรถชนกันจึงได้หันไปดู พบว่ารถยนต์กระบะพุ่งเข้ามาทางตนเอง จึงรีบบอกแม่ที่อยู่ใกล้กันให้หลบ ก่อนที่รถยนต์จะพุ่งชนถังแก๊ส กระเด็นมาใส่ตนเอง

และมีเสียงแก๊สรั่วออกมาตนเองจึงรีบไปปิดถังแก๊ส โชคดีที่ไม่มีประกายไฟถ้าไม่อย่างนั้นอาจเกิดการติดไฟก็เป็นไปได้ จากนั้นตนเองไปดูคนขับรถยนต์พบว่า หมดสติ จึงได้นำตัวออกจากรถ ส่วนผู้หญิงที่นั่งมาด้วยพบว่ามีเลือดที่บริเวณปาก แต่ยังมีสติอยู่

ขณะที่นางสาวสุนีย์ อายุ 60 ปี เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุตนเองกำลังทำต้มยำให้กับลูกค้า หลังจากที่ทำเสร็จได้หยกหม้อต้มยำลงจากเตาหน้าร้าน เข้ามาภายในร้าน ช่วงที่กำลังหันหลังนั้น ตนเองก็ได้ยินเสียงรถชนพร้อมกับเสียงดังวิ๊ด หันไปก็พบว่ารถยนต์ก็พุ่งเข้ามาภายในร้าน ตนเองกระโดดหลบทันที

โชคที่ลูกชายหลบทันเช่นกัน และแก๊ส 2 ถัง ที่อยู่หน้าร้านไม่เกิดระเบิดขึ้น แต่ก็มีแก๊สรั่วออกมา ลูกชายจึงรีบไปปิดถัง หลังเกิดเหตุการณ์ตนเองตกใจมากจนตัวสั่น ส่วนคนขับตนเองก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่ได้ยินว่าเกิดจากอาการวูบจึงทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก่อนจะได้ไปสอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บ และจะได้มีสืบสวนสาเหตุของอุบัติเหตุที่แท้จริงต่อไป