ผู้ว่าฯอุทัยธานี ร่วมกับศูนย์ราชการและวัด ประชุมหารือเยียวยาครอบครัวครู-นักเรียนที่เสียชีวิต เตรียมจัดหาโลงเย็นและวัดประกอบพิธีฌาปนกิจ
เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 2 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศช่วงเช้าที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ช่วยเหลือโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาวาส กรณีอุบัติเหตุรถบัสนักศึกษาของโรงเรียนไฟไหม้นั้น ล่าสุดผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประชุมหารือพร้อมกับญาติของนักเรียนและครูที่เสียชีวิตเพื่อหาข้อสรุปในการช่วยเหลือเยียวยา
ส่วนการตรวจหาอัตลักษณ์พบว่า มีการทำตรวจอัตลักษณ์แล้วตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา จากเดิมที่จะมีการตรวจในเวลา 08.00 น.วันนี้ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการตรวจหาอัตลักษณ์
พระครูอุทิตบุญญาภรณ์ เลขานุการเจ้าคณะอำเภอลานสัก เปิดเผยว่า วันนี้จะได้ประชุมหารือร่วมกับส่วนราชการในเรื่องจัดหาวัดในเขตพื้นที่ อ.ลานสัก เพื่อประกอบพิธีฌาปนกิจ พร้อมกับหาโลงเย็นให้กับครอบครัวด้วย
พร้อมกันนี้ยังมีหน่วยพระราชทานจิตอาสา 904 ทีมสหวิชาชีพ และทีมเยียวยาจิตใจ ร่วมปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ด้วย
Comment
1.โรงเรียนยังขาดแคลนงบอีกเยอะ ตั้งงบไปทำอย่างอื่นดีกว่า
2.เด็กไป ได้แต่ความสนุกสนาน สาระที่จะนำไปใช้ในการเรียน หรือดำเนินชีวิตน้อยมาก
3.ผู้ปกครองพาไปเองได้ ควรเป็นกิจกรรมของผู้ปกครองมากกว่าเป็นกิจกรรมของโรงเรียน หรือ เมื่อเด็กเป็นผู้ใหญ่เดินทางไปเรียนรู้เองได้
4.เด็ก ครู ตายมามากแล้ว หยุดและยกเลิกโครงการ ได้ไม่คุ้มเสีย
ปัญหาที่เป็นข่าวน่าสลดนี้ ไม่ใช่เพราะทัศนศึกษาครับ เป็นเพราะสภาพรถครับ ถ้าแก้ปัญหานี้ต้องแก้ที่การตรวจสภาพรถครับ ก่อนออกเดินทางทุกครั้งต้องมีใบรับรองตรวจสภาพรถ ยืนยันกับทางโรงเรียนก่อนทุกครั้ง และทัศนศึกษา เป็นสิ่งที่จำเป็นกับการเรียนรู้ของเด็กๆครับ ยิ่งเด็กยากจน ยิ่งจำเป็นมากครับ เพราะเด็กยากจนไม่มีโอกาสที่จะได้ไปเที่ยวเหมือนเด็กร่ำรวยคนอื่นเขาครับ โอกาสที่จะได้ไปเปิดหูเปิดตา ไปดูโลกนอกหมู่บ้าน ก็มีแต่ทัศนศึกษาเท่านั้นครับ ผมเสียใจกับข่าวน่าสลดเช่นนี้ แต่ชีวิตเด็กที่ยังอยู่ต้องเดินหน้าต่อไปครับ อย่าเอาความตายมาปิดกั้นโอกาสของเด็กๆที่ยังอยู่อีกหลายล้านคนเลยครับ
ปัญหานี้ต้องแก้ที่ตรวจสภาพรถให้เข้มงวดกว่านี้ครับ แก้ให้ตรงจุดครับ จะได้ไม่ปิดโอกาสที่จะเรียนรู้ของเด็กๆอีกหลายล้านคนครับ
ปี 61 แรงงานพม่าตาย 18 คน โดนไฟคลอก ที่ตราด เพราะหนีออกมาจากรถไม่ได้ จำข่าวได้ไหม ตอนนั้นหน่วยงานรัฐก็ขึงขัง จะออกมาตราการนั้น มาตรการนี้ จนถึงวันนี้ก็ไม่เห็นมันจะทำห่าอะไร แล้วก็เกิดเหตุขึ้นมาอีก
สมควรยกเลิกจริงๆค่ะทัศนศึกษาโดยเฉพาะเด็กอนุบาลไม่ควรนำเด็กไปทัศนศึกษาไกลๆเด็กมันไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ
มั่นใจได้อย่างไรว่าคนขับ และ รถยนต์ เต็ม 100 ถึงกระนั้นแล้ว และที่สำคัญ คุณมั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่ให้เกิด อุบัติเหตุ
ตัวเองมีหลานเล็กถึงเวลารร มีทัศนศึกษาไม่อยากให้หลานไปเลยมันกังวลมากห่วงความปลอดภัยอยากให้ยกเลิกกิจกรรมนี้
วันนั้นมันความคิดสมัยแต่ก่อนครับ ไม่น่าเชื่อเลยว่าคำว่าเด็กๆแค่เห็นเซเว่นก็ดีใจแล้ว มันจะเป็นความคิดของครูสมัยใหม่ สมัยนี้พ่อแม่เค้ามีรถหมดทุกคันแล้ว ลูกเค้าไม่ได้ไปทัศนศึกษา เด็กก็คงไม่ล้าสมัยเหมือนแต่ก่อน เพราะเขาพาไปไหนมาไหนได้มากกว่าแต่ก่อน แถมยังมีความสะดวกสบายไม่ต้องกังวลกับสภาพรถ ผมถามคุณหน่อยว่า พวกผมเป็นผู้ปกครองเด็กได้มีโอกาสรู้ไหมว่าโรงเรียนได้งบประมาณเท่าไหร่ มีโอกาสเลือกรถที่จะให้ลูกผมขึ้นไปทัศนศึกษาไหม มีโอกาสได้เห็นรถก่อนไหม มีโอกาสได้รับฟังชี้แจงถึงความรับผิดชอบก่อนที่มันจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นมั้ย มีโอกาสตัดสินใจกับพวกคุณไหม
คนไทยกินผักขีเป็นนิสัยแบ้วห้ามตนไทยกินผักชีได้เมื่อไร ค่อยโลกสวยจะง่ายกว่า หันมากำจัดคนปลูกผักขีก่อนแถมปลูกแบบไม่มีคุณภาพทำลายชีวิตเดผ้กอนาคตของครอบครัวและอนาคตของชาติ
ก็เพราะความปลอดภัยไม่มี รู้ๆ กัน การที่จะเอาเด็กเล็กไปทัศนศึกษากับครูที่ดูก็ไม่ทั่วถึง เด็กก็แก้สถานะการณ์หรือเอาตัวรอดกับเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้ มันเหนื่อยทั้งครูที่ดูแล และผู้ปกครอง
ครูบ้านนอกคือ ให้ความสำคัญของเด็กนักเรียนทุกๆคนอยู่แล้ว ไม่ว่าครูทุกๆคนต้องเรียนรู้หากิจกรรมสม่ำเสมอ ไม่ปล่อยให้การทำงานของครูและเด็กนักเรียนคือหน้าที่ ปฏิบัติ อะไรก็แก้ไข บทเรียน ผิดพลาด เกิดขึ้น บกพร่องได้ ค่ะ
เคยเข้าใจความรู้สึกของเด็ก ตจว.บ้างไหมคับว่าไม่เคยไปไหน ผู้ใหญ่ควรหาทางป้องกันในการใช้ยานพาหนะ การออกกฏหมายเพิ่มเวลาจะไปทัศนศึกษาต้องใช้รถอนุญาตพิเศษ คนขับผ่านการอบรมเฉพาะ ตอนนี้รถนักเรียนก็วิ่งทั่วไปก็ควรเอาเคสนี้มาออกกฏหมายควบคุม เช่นยางล่อดอกห้ามใช้ ยางเปอร์เซ็นต์ก็ต้องห้ามด้วย แต่จะห้ามไม่ให้เด็กออกไปไหนเลยมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ อาจจำกัดอายุว่าต้องอายุเกินกี่ขวบขึ้นไปถึงจะพาไปทัศนศึกษาได้ผมก็เป็นเด็ก ตจว. เวลา รร.พาไปเที่ยวแบบนี้ดีใจมากนะ
จำน้อง8ขวบที่ออกจากบ้านตี2 เดินไปโรงเรียนเพื่อไปทัศนศึกษาได้ไม๊ เด็กที่ดีใจจะได้ไปทัศนศึกษากับโรงเรียน ยังมีอีกเยอะ อย่ามาตัดโอกาสเด็กเพราะปัญหารถไฟไหม้ในครั้งนี้ คิดวิเคราะห์แยกแยะกันก่อน ว่าสาเหตุของปัญหาที่แท้จริงคืออะไร ถึงแม้ยกเลิกทัศนศึกษาของเด็ก ผู้สูงอายุล่ะ พนักงานบริษัทล่ะ หรือหน่วยงานราชการที่ต้องใช้รถแบบนี้เที่ยวอีกล่ะ ถ้ารถมันจะไหม้มันก็ไหม้ มันไม่เลือกหรอกรถเด็กหรือรถผู้ใหญ่ ไปคิดหามาตรการที่จะมั่นใจว่าจะไม่เกิดไฟไหม้ หรือ ถ้าเกิดไฟไหม้แล้วทุกคนจะปลอดภัยด้วยมาตรการ…..?? ดีกว่า
ก่อนออกรถควรจะมีการแนะนำการใช้ประตูฉุกเฉินให้กับครูและนักเรียน เหมือนบนเครื่องบินด้วยค่ะ มีเอกสารการตรวจเช็คสภาพรถยื่นกับทางโรงเรียนก่อนใช้บริการว่าจ้าง จริงๆไม่อยากให้ยกเลิกพวกทัศนศึกษา เอาตามที่สะดวกของผปค. แต่ละบ้านดีกว่า
ตามหลักสูตรโรงเรียน น่าจะมี
วิชาการเอาตัวรอดการติดในรถ ว่ายน้ำช่วยเหลือตนเอง การเอาวิธีรอดจากภัยกรณีต่างๆให้ได้เยอะที่สุด ทำเป็นหลักสูตรบรรจุไปก็ดี ดีกว่ากะบี่กะบอง เรียนไปทำไม
