นครราชสีมา ค่าฝุ่น PM 2.5 พุ่ง พบจุดความร้อน 15 จุด เกิดในพื้นที่การเกษตรมากสุด ชาวนา ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ลักลอบเผาตอซังข้าว ลุกลามไหม้เสียหายกว่า 100 ไร่
18 ม.ค. 68 – สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 นครราชสีมา ได้รายงานสถานการณคุณภาพอากาศ PM2.5 ในพื้นที่ดูแล 4 จังหวัดอีสานตอนล่าง พบว่า คุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง และเริ่มมีผลต่อสุขภาพ
โดย จ.นครราชสีมา ค่าฝุ่น PM2.5 ตรวจวัดเมื่อเวลา 07.00 น.วันนี้ ได้ 37.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ จ.บุรีรัมย์ ตรวจวัดได้ 39.3ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศเริ่มมีผลต่อสุขภาพ ซึ่งค่ามาตรฐานเฉลี่ย 24 ชั่วโมง จะต้องไม่เกิน 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ส่วน จ.ชัยภูมิ ตรวจวัดค่าฝุ่น PM2.5 ได้ 31.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ จ.สุรินทร์ ตรวจวัดได้ 35.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลาง สามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ตามปกติ แต่กลุ่มเสี่ยงควรเฝ้าระวังสุขภาพ
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ค่าฝุ่น PM2.5 พุ่งสูง ส่วนใหญ่จะมาจากการเผาป่า เผาซากพืชผลทางการเกษตร เผาขยะในที่โล่งแจ้ง และจากไฟป่าด้วย ซึ่งการตรวจจับความร้อนของดาวเทียมระบบ VIIRS วันที่ 17 มกราคม 2568 พบว่า 4 จังหวัดอีสานตอนล่าง “นครชัยบุรินทร์” พบจุดความร้อนมากถึง 90 จุด
โดยที่ จ.นครราชสีมา พบจุดความร้อน 15 จุด ซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่การเกษตรมากถึง 11 จุด รองลงมาคือ พื้นที่เขต สปก. 4 จุด และเมื่อเวลา 07.00 น. ตรวจวัดค่าฝุ่นมลพิษในอากาศ ผ่านแอพพลิเคชั่น Air4Thai พบว่า เขตตัวเมืองนครราชสีมา ฝุ่น PM2.5 สูงถึง 37.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งต่อมาเวลา 10.00 น. ค่าฝุ่น PM2.5 พุ่งสูงขึ้นอีกเป็น 39.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
โดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 นครราชสีมา ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองในช่วง 7 วันข้างหน้าว่า คุณภาพอากาศจะอยู่ในเกณฑ์ สีส้ม “เริ่มกระทบต่อสุขภาพ” ซึ่งมาจากอิทธิพลของความกดอากาศสูงในช่วงนี้ และทิศทางความเร็วลมที่อ่อนแรงลง ทำให้เกิดการสะสมของค่าฝุ่นละออง PM 2.5 เพิ่มมากขึ้น ประชาชนต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง และใช้อุปกรณ์ป้องกันฝุ่นละอองหากจำเป็น รวมทั้ง ต้องงดการเผาในที่โล่งแจ้ง เพื่อไม่ให้ค่าฝุ่น PM2.5พุ่งสูงไปมากกว่านี้ จนอยู่ในเกณฑ์ สีแดง “มีผลต่อสุขภาพ”
อย่างไรก็ตาม พื้นที่ จ.นครราชสีมา แม้ว่าทางจังหวัดฯ จะประชาสัมพันธ์รณรงค์ลดการเผาในทุกอำเภอ พร้อมกับดำเนินมาตรการทางกฎหมายเอาผิดขั้นเด็ดขาดกับคนที่ลักลอบเผาหรือสร้างฝุ่นมลพิษทางอากาศ แต่ยังพบการลักลอบเผาก่อฝุ่นในหลายพื้นที่เป็นระยะๆ ในช่วงนี้โดยเฉพาะพื้นที่การเกษตร ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นวานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พิมาย จ.นครราชสีมา ได้รับแจ้งเหตุไฟไหม้ตอซังข้าวกลางทุ่งนา ฝั่งตรงข้ามห้างฮกกี่ เมกาสโตร์พิมาย ต.กระเบื้องใหญ่ อ.พิมาย ต้องแจ้งประสานขอรับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและรถดับเพลิง จาก อบต.กระเบื้องใหญ่ และ อบต.ในเมือง อ.พิมาย รวม 2 คัน ร่วมกันระงับเหตุ
แต่ด้วยสภาพอากาศที่แห้งแล้ง และมีลมพัดแรง ทำให้ไฟที่ไหม้ตอซังข้าวลุกลามออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้พื้นที่เกษตรในเขตรอยต่อ ต.กระเบื้องใหญ่ และ ต.ในเมือง อ.พิมาย ได้รับความเสียหายกว่า 100 ไร่ ต้องใช้เวลากว่า 40 นาที จึงสามารถสกัดเพลิงให้สงบลงได้ โชคดีที่ไม่มีรายงานบ้านเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างได้รับความเสียหาย ซึ่งสาเหตุเกิดจากชาวนาที่มักง่ายลักลอบจุดไฟเผาตอซังข้าว จนทำให้ไฟลามไหม้เป็นบริเวณกว้าง สร้างฝุ่นมลพิษในอากาศลอยปกคลุมสร้างความเดือนร้อนไปทั่ว