อ.เจษฎา เตือนไทยอย่าหลงเกมกัมพูชา ใช้กำลังปะทะมีแต่เสียกับเสีย

วันที่ 7 มิถุนายน 2568 รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย แสดงความเห็นต่อสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณ

ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเตือนว่า หากไทยหลงตามเกมยั่วยุของกัมพูชา มีแต่จะ “เสียกับเสีย” ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาจะ “ได้กับได้” ทั้งทางยุทธศาสตร์และการเมืองระหว่างประเทศ

สรุปสั้นๆคือ ถ้าหลงตามเกมยั่วยุของกัมพูชา ไทยเรามีแต่จะ “เสียกับเสีย” ขณะที่เขามีแต่จะ “ได้กับได้” ครับ

(ตอบคำถามพี่หมอเจ ที่ว่า “ไทยเราลาออก ไม่รับฟังมติ ไม่ไปขึ้นกับศาลโลก ได้เหรอ” )

ตอบ : ศาลโลกเป็นกลไกหนึ่งของสหประชาชาติครับ  ดังนั้นเมื่อเราเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ เราก็ยอมรับในการมีอยู่ของศาลโลกอยู่แล้ว

แต่เมื่อมีการนำเรื่องข้อพิพาทระหว่างประเทศขึ้นศาลโลก ก็จะต้องเป็นการยินยอมของประเทศทั้งสองฝ่าย ที่จะขึ้นสู่การพิจารณาคดีร่วมกัน อย่างกรณีของพระวิหาร เราก็ยอมที่ขึ้นสู้กับกัมพูชาบนศาลโลกด้วย

แต่จากที่เราแพ้คดีตอนช่วงปี 2503 ทำให้เราประกาศว่า เราจะไม่รับคำตัดสินจาก “คดีใหม่ๆ” ของศาลโลกหลังจากนั้นอีก (ซึ่งก็เป็นสิทธิที่จะทำได้) ปัญหาคือ กัมพูชาเกิดการปะทะกับไทยช่วงปี 2554 ที่เขาพระวิหารอีกครั้ง และมีการร้องขอให้พิจารณาคดี โดยยกว่าเป็น “คดีเก่า” ไม่ใช่คดีใหม่ .. ทำให้ผลที่ออกมาคือ นอกจากตัวปราสาทเขาพระวิหารแล้ว เรายังถูกตัดสินว่า พื้นที่ภูเขาโดยรอบปราสาท ทั้งชะง่อนผา ก็เป็นของกัมพูชา !

นั่นคือสาเหตุว่า ทำไมรอบนี้กัมพูชาถึงพยายามยั่วยุเรา ให้เกิดการปะทะกันที่ช่องบก จะได้นำไปสู่การขอขึ้นพิจารณาคดีที่ศาลโลกอีก และมีแนวโน้มที่เขาจะชนะคดีได้

พูดง่ายๆ คือไม่ได้คิดหวังจากชนะสงครามการรบพุ่งอะไร จะสูญเสียกำลังไปบ้างก็ไม่แคร์ แต่หาเรื่องก่อประเด็น เพื่อไปเวทีนานาชาติ

ซึ่งทางฝั่งผู้นำกัมพูชาก็มีแต่จะได้ประโยชน์ ถ้าชนะคดี ก็ได้พื้นที่เพิ่ม ได้เสียงชื่นชมสรรเสริญจากคนกัมพูชาแน่ๆ

หรือถึงไม่ได้เข้าสู่ศาลโลก เพราะไทยไม่ยอมเล่นด้วย ก็ยังได้เสียงชื่นชมว่าเป็นผู้นำที่เข้มแข็ง แม้เป็นชาติที่เล็กกว่า ก็ไม่ยอมแพ้ชาติใหญ่กว่า ที่อยู่ข้างเคียง

ป.ล. ส่วนไทยเรา ก็มีแต่เสียกับเสีย ครับ ถ้าพลาด หลงกระแสชาตินิยม ใช้กำลังทหารปะทะกัน ไปเล่นตามเกมเขาแบบนี้ นอกจากจะเสียภาพลักษณ์ในนานาชาติแล้ว ก็มีสิทธิ์จะเสียพื้นที่ไปอีกครั้งหนึ่งด้วยครับ