ไล่เรียง”แม่หยัว”ปมดราม่าหนัก สู่การแบน จี้ถอดสปอนเซอร์? จะไปต่อได้มั้ย

“แม่หยัว” เป็นซีรีส์ของช่องวัน 31 ที่นำเอาเรื่องราวของ “ท้าวศรีสุดาจันทร์”สตรีผู้มีชื่อเล่าขานในเกร็ดประวัติศาสตร์ ผู้ทรงอำนาจและกล่าวถึงว่าเพื่อต้องการให้ราชวงศ์ตนเองกลับมาครองอาณาจักรอีกครั้งจึงวางแผนการใหญ่  แต่ในเรื่อง แม่หยัว นั้นได้นำมาตีความใหม่ โดยได้ “ใหม่ ดาวิกา” มารับบท”ท้าวศรีสุดาจันทร์” และบุคคลที่มีชื่อในประวัติศาสตร์ พร้อมขนทัพดาราระดับท็อปสตาร์ และทุ่มทุนมหาศาลนั่งแท่น ซีรีส์ฟอร์มยักษ์หวังกวาดเรตติ้งรายได้เลยทีเดีย

ซึ่ง “แม่หยัว” มีทั้งหมด 10 ตอน และกลายเป็นซีรีส์มาแรง เรตติ้งพุ่ง ติดเทรนด์ทุกครั้งที่ปล่อยตอนใหม่

ตั้งแต่เปิดตัวโปรเจกต์มานั้น ก็สร้างการพูดถึงและฮือฮาอย่างมากแล้ว เนื่องจากน้อยครั้งที่ ซีรีส์ไทย ละครไทย รวมถึงภาพยนตร์ไทย จะได้กล่าวถึงเล่าถึง ชูเส้นเรื่องของสตรีเป็นหลัก ยิ่งโอกาสน้อยที่ สตรีในประวัติศาสตร์จะถูกกล่าวถึง เนื่องจากความเชื่อด้านผู้นำ ช้างเท้าหน้าคือบุรุษ น่าจะเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่”แม่หยัว”ถูกจับตามอง แถมความแซ่บที่เล่ามาปากต่อปากถึงความสัมพันธ์สวาทที่นอกเหนือจากสมีตนเอง จึงทำลุ้นตัวโก่ง

การเปิดตัว “แม่หยัว” ก่อนการถ่ายทำจริงทีมนักแสดง ถูกพูดถึง รวมถึงองค์ประกอบอย่างชุด เครื่องแต่งกาย “ท่าพับเป็ด”การถวายตัวกับกษัตริย์ตามจารีตประเพณี ทำให้เกิดกระแสเพิ่มขึ้น นั่นยังไม่ร่วมการสืบค้นความรู้ในตัวละคร แต่ละตัวที่นำเสนอ

ช่วงถ่ายทำนั้นนอกจากภาพเบื้องหลัง ภาพความน่าสนใจที่นำเสนอให้เห็นผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ แล้ว ก็ยังมีการปรับเปลี่ยนหน้างาน ตามรูปแบบการทำงานทั่วไปให้เลี้ยงเป็นกระแสอย่างต่อเนื่อง

กระทั้ง “แม่หยัว” ได้ออกอากาศเป็นตอนแรกก็สร้างการจับตามองอย่างมาก มีกระแสชื่นชม และพูดถึงกันจนติดเทรนด์ในโลกออนไลน์ ถึงความอลังการ ความสวยงาม ความน่าสนใจ และการจับต่อมาตอนต่อไปว่าจะเดินไปในรูปแบบไหน?

• กระแสดราม่าแม่หยัว เริ่มมีการวิจารณ์เล็กๆ น้อยๆ ถึงจุดที่จับผิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพระสนมที่ทาเล็บเจล, การใช้ม้วยวิกก้อน ของนักแสดง, แม้กระทั้งแพมเพิส ของทารกที่ เชิญมาร่วมแสดง เป็นต้น
• เครื่องทรงของ “แม่หยัว” ที่มีเครื่องหัวสุดอลังการนั้น กลายเป็นเรื่องเคลม วัฒนธรรมของเพื่อนบ้านในโลกออนไลน์บางกลุ่ม ที่อิงว่า ได้ขโมยวัฒนธรรมของเขาไป เนื่องจาก ชุดเครื่องทรงคล้ายกับนางอัปสรา บนกำแพงอังกอร์วัด ที่ประเทศกัมพูชา
• ต่อมา “แม่หยัว EP.4” ก็ทำพี่เทย ผู้ชม ออกมารีวิว วิจารณ์เละ ออกอาการไม่ปลื้มด้วยความเอิงเอยไม่กระชับ กับตอนดังกล่าว แถมยังให้เห็นคะแนนแล้วน้อยมาก ร้อนจนจี้ไปถึงผู้จัดว่าอย่างไรบ้าง  แต่ทว่ามุมชื่นชมมีเยอะเหมือนกัน
• แม่หยัว EP.5 ที่ดูท่าว่าจะเพิ่มความมันขึ้น แต่กลับทำชาวเน็ตบางส่วน(ย้ำว่าบางส่วน) ตั้งคำถามสาป ติง และเทียบโยงแรงพอสมควร ขณะที่คะแนนที่ให้เป็นศูนย์ในมุมมองของเขา เพราะว่า เละ พัง? สาปบทสนมเบียดกันเอง พาไปโยงเทียบกับ บทท้าวศรีสุดาจันทร์ในยุคท่านมุ้ย แล้ว? 

• ดราม่าแม่หยัว เพิ่มความร้อนแรง กับฉากหนึ่งที่ปรากฏภาพ “พระสนมตันหยง” หรือ “เฟิร์น นพจิรา” พิสูจน์ชาว่า มียาพิษหรือเปล่า ด้วยการเทชาลงในถาดให้แมวลองดื่ม ซึ่งในซีนดังกล่าว ปรากฏภาพขณะแมวกำลังดื่มชาจริงๆ ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะมีอาการกระตุก และขย้อนๆบางอย่างออกมาจริงๆ  นำไปสู่ความระอุ สาป วิจารณ์สะเทือนวงการบันเทิง จนคนบันเทิงออกมาแสดงมุมมอง ออกมาขอโทษ ออกมาอธิบายว่าน้องแมวปลอดภัย? ลุกลามใหญ่โต
• ปมข้างต้นนำไปสู่ #แบนแม่หยัว ในโลกออนไลน์ 

• แม่หยัว EP.5 ฉากที่พระสนมตันหยง ระแวงว่าจะถูกวางยาในน้ำชา จึงให้พี่เลี้ยงเอาน้ำชาไปให้แมวกินเพื่อทดสอบว่ามีพิษหรือไม่ ปรากฏว่าแมวกินแล้วชักกระตุกตายต่อหน้าต่อตา
• ในขณะที่มีคนชื่นชมการแสดงน้องแมว ก็มีคนตั้งคำถามว่า สามารถกำกับให้แมวเล่นบทชักกระตุกจนขาเหยียดแบบนั้นได้ยังไง เพราะการสั่งแมวไม่ง่ายเหมือนสั่งหมา?
• “จ๋า โมฬีวรรณ” นักแสดง เฉลยข้อสงสัยนี้ว่า น้องแมวไม่ได้ตุยจริงน๊า เราวางยาสลบแมว แต่ตอนถ่ายทำน้องขย้อน กระตุก ๆ คือนึกว่าตายจริง ป้าจ๋ากับน้องเฟิร์นหน้าถอดสี ตกใจจริง ๆ
• โพสต์ของ “จ๋า” ทำคนรักสัตว์ถึงกับช็อก เพราะไม่นึกว่าเพื่อละครฉากเดียวถึงกับต้องวางยาสลบแมว แถมนักแสดงยังเอามาเล่าเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาเสียอีก (ต่อมานักแสดงคนดังกล่าวได้ลบโพสต์ทิ้ง)
• กระแสวิจารณ์เริ่มหนาตา หลายคนมองว่าหลาย ๆ ประเทศเขาระมัดระวังเรื่องสวัสดิภาพสัตว์ในกองถ่ายมาก ถึงกับต้องชี้แจงใน end credits ว่าไม่มีสัตว์ตัวใดได้รับบาดเจ็บระหว่างถ่ายทำ แต่ละครไทยเรื่องนี้คนในกองพูดเองหน้าตาเฉยว่าวางยาสลบแมวจนชักนึกว่าตายจริง
• คนรักสัตว์รับเรื่องนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะคนที่เคยพาหมา – แมวไปวางยาสลบเพื่อทำหมัน ต่างรู้ว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ สัตว์แพทย์ต้องตรวจละเอียด ต้องให้สัตว์งดน้ำและอาหารก่อน ป้องกันไม่ให้สำลักอาหาร เพราะเศษอาหารอาจอุดตันทางเดินหายใจจนเสียชีวิตได้

“สัตวแพทย์” ออกมาให้ความรู้ว่า ทุกครั้งที่วางยาสลบมีความเสี่ยงต่อชีวิตสัตว์ เพราะยาจะไปกดการทำงานของระบบหายใจกับระบบไหลเวียนเลือด และสัตว์อาจสำลักได้ ดังนั้นจึงมีขั้นตอนมากมายในการวางยา เช่น ตรวจร่างกาย อดอาหาร ติดตามสัญญาณชีพ สอดท่อช่วยหายใจ มอนิเตอร์การหายใจ ฯลฯ

• สังคมโลกออนไลน์ จึงพากันเรียกร้องให้ผู้สร้างละครเรื่องนี้ตอบคำถามหลายข้อ ต่อมา “สันต์ ศรีแก้วหล่อ” ผู้กำกับละครเรื่องนี้ได้โพสต์ชี้แจง 4 ข้อ ดังนี้

1. ยอมรับว่าในการถ่ายทำมีการวางยาสลบแมวจริง แต่ได้รับการดูแลจากเจ้าของและผู้เชี่ยวชาญอย่างดีในทุกขั้นตอน
2. หลังการถ่ายทำน้องแมวฟื้นขึ้นมาและใช้ชีวิตเป็นปกติ ทีมงานได้ขอให้ส่งคลิปน้องแมวมาให้ดูอีกหลายครั้ง
3. ล่าสุดได้ติดต่อไปที่โมเดลลิ่งสัตว์ที่ดูแลรับผิดชอบอีกครั้ง เพื่อขอดูคลิปอัปเดตของน้องแมว และให้นำแมวไปตรวจสุขภาพอีกครั้ง
4. ผู้กำกับโพสต์คลิปสั้น ๆ ของน้องแมว บอกว่าเป็นคลิป ณ ปัจจุบัน และจะเอาใบรับรองแพทย์มาให้ดูอีกครั้งเมื่อตรวจเสร็จแล้ว

ผู้กำกับแจง ดราม่า : https://www.facebook.com/sant.sri/posts/10160401837742393

• สังคมในโลกออนไลน์ที่จับตามองในประเด็นนี้ กับการออกมาแจงข้อมูลของผู้เกี่ยวข้องนั้น ดูเหมือนว่ายังจะไม่ได้คำตอบที่ตรงเป้าครบถ้วน นั่นทำให้กระแสวิจารณ์ยิ่งโหมกระหน่ำแรงขึ้นไปอีก หยิบประเด็นดราม่าก่อนหน้าเข้ามาพ่วงวิจารณ์ แสดงความเห็น พร้อมกับติดแฮชแท็ก #แบนแม่หยัว รณรงค์ไม่ดูละครเรื่องนี้, เรียกร้องให้ถอนสปอนเซอร์, ขอให้ถอดออกจาก Netflix และพร้อมใจกันติดแฮชแท็ก #แบนแม่หยัว จนติดเทรนด์ X

หากถามว่า “ซีรีส์แม่หยัว” จะสามารถไปต่อได้หรือไม่ ตอบได้เลยว่าสามารถไปต่อได้เพราะว่าแผนออกอากาศนั้นก็ตามโปรแกรมที่วางไว้แล้ว ซึ่งยังเหลืออีก 5 EP. ก่อนจะถึงบทสรุป แต่แค่อาจจะส่งกระทบเรื่องเรตติ้ง คำวิจารณ์บ้างที่เข้ามาจับตามองกันอย่างต่อเนื่องแน่นอนหลังจากนี้ ในอีก 5 ตอนที่เหลือถือเป็นบทพิสูจน์หนึ่งของทีม #แม่หยัว เลยทีเดียวว่าจะใช้ความเก๋าเกมเรื่องการทำงานละคร ดึงความน่าสนใจความเข้มข้น ส่วนที่เหลือมาเพิ่มคะแนนที่หายไปได้หรือไม่?