เภสัชฯ เตือน! “ปลาหมักเกลือ” อยู่ในกลุ่มเสี่ยงก่อมะเร็งระดับ 1 แต่ยังติดลิสต์เมนูโปรดของหลายคน
“ปลาหมักเกลือ” หรือปลาที่ผ่านการแปรรูปโดยการหมักเกลือ อาจเป็นเมนูโปรดของใครหลายคน แต่รู้หรือไม่ว่า การบริโภคบ่อยครั้งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งบางชนิดได้
ผู้เชี่ยวชาญยืนยัน ปลาหมักเกลือมีสารก่อมะเร็ง
ดร.ฮุสเซน อับเดห์ (Hussain Abdeh) เภสัชกรและผู้อำนวยการของร้านขายยาออนไลน์ Medicine Direct ในสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า การบริโภคปลาหมักเกลือเป็นประจำ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง โดยจัดอยู่ในกลุ่ม “สารก่อมะเร็งระดับ 1” ตามการจัดอันดับขององค์การอนามัยโลก (WHO) ตั้งแต่ปี 1992
ปลาหมักเกลือเกี่ยวข้องกับมะเร็งอย่างไร?
การหมักเกลือเป็นวิธีถนอมอาหารแบบดั้งเดิม แต่กระบวนการนี้อาจทำให้เกิดสารที่เรียกว่า “ไนไตรท์” (nitrite) ซึ่งเมื่อเข้าสู่กระเพาะอาหาร จะเปลี่ยนเป็น “ไนโตรซามีน” (nitrosamine) ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติก่อมะเร็ง และสามารถทำลาย DNA ของเซลล์
รายงานจาก The New Paper ระบุว่า การบริโภคปลาหมักเกลือในปริมาณมาก มีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการเป็นมะเร็งโพรงหลังจมูก (มะเร็ง Nasopharyngeal) โดยเฉพาะในประเทศจีนและฮ่องกงที่มีการบริโภคปลาประเภทนี้อย่างแพร่หลาย
ผลการศึกษาจากฮ่องกงชี้ชัด
งานวิจัยในฮ่องกงพบว่า กลุ่มชาวตังก้า (Tanka) ซึ่งเป็นชาวประมงที่อาศัยอยู่บนเรือ มีอัตราการบริโภคปลาหมักเกลือสูงกว่าคนทั่วไป และพบอัตราการเกิดมะเร็งโพรงจมูกสูงตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการลดปริมาณการบริโภคลง อัตราการเกิดโรคในกลุ่มนี้ก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
โดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี หากได้รับปลาหมักเกลือบ่อยครั้ง จะเพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็งชนิดนี้ในอนาคต
ปัจจัยเสี่ยงอื่นที่ควรระวัง
ผู้ที่มีประวัติเคยติดเชื้อไวรัส Epstein-Barr (EBV) หรือมีสมาชิกในครอบครัวเคยเป็นมะเร็งโพรงจมูก ก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น หากบริโภคปลาหมักเกลือบ่อยครั้ง เพราะไวรัส EBV อาจกระตุ้นเซลล์มะเร็งเมื่อทำปฏิกิริยากับสารเคมีจากปลาหมัก
ไม่ใช่แค่มะเร็งโพรงจมูก
องค์การอนามัยโลกยังเตือนว่า การบริโภคปลาหมักเกลือในปริมาณมาก อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งอื่น ๆ เช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งหลอดอาหาร
คำแนะนำสำหรับผู้ที่ชอบรับประทานปลาหมักเกลือ
แม้ปลาหมักเกลือจะเป็นอาหารที่มีรสชาติเข้มข้นและทานกับข้าวได้อร่อย แต่แพทย์แนะนำว่า ควรจำกัดการบริโภคไม่เกิน 2-3 ครั้งต่อเดือน และเมื่อนำมาปรุงอาหาร ควรล้างให้สะอาดเพื่อช่วยลดปริมาณเกลือและไนไตรท์
โดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้ที่มีประวัติความเสี่ยง ควรหลีกเลี่ยง และพิจารณาเลือกอาหารสดแทน เพื่อสุขภาพที่ดีกว่าในระยะยาว